‘สาทิตย์’ ตอบชัด ‘สมานฉันท์ ช้าไปมั้ย? ในสถานการณ์สุดขั้ว’

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

สมานฉันท์ ช้าไปมั้ย? ในสถานการณ์ สุดขั้ว!!!!!!

การชุมนุมเรียกร้องบนท้องถนน เข้าสู่จุด สุดขั้ว ยากจะกลับ

ในขณะที่การชุมนุมปกป้องสถาบัน เข้าสู่โหมด แสดงตน ขยายตัวทั่วประเทศสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นทุกๆวัน

เสียงเรียกร้องให้สมานฉันท์ ดูแผ่วกว่าเสียงปลุกเร้าให้เดินหน้า

ทุกอย่างดูเหมือนเข้าสู่ทางตัน หรือว่า บ้านเมืองต้องสูญเสียกันอีกครั้ง???

สถานการณ์แบบนี้ จะมีคนถามผมบ่อยๆว่า แล้วจะจบกันยังไง?

ผมตอบว่า ไม่รู้จริงๆ เพราะการชุมนุมครั้งนี้ ต่างกับทุกครั้ง จนเราไม่สามารถเอาประสบการณ์เดิมมาใช้ได้อีก

อย่างแรก การชุมนุมครั้งนี้ เป็นแฟลชม๊อบ คือ นัดเวลา มาชุมนุม แล้วแยกย้าย ไม่ปักหลักค้างคืน นัดกันผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เนื้อหาข้อเรียกร้อง เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น และหลายคนไม่คิดว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้กล้าจนกลายเป็น ท้าทายให้คนอีกกลุ่มใหญ่ต้องออกมาชุมนุมด้วย เพื่อต่อต้าน

ส่วนรัฐบาล รับมือด้วยยุทธวิธีแบบเดิม คือ สกัดการเข้าพื้นที่สำคัญ แต่การทำแบบนี้อาจเผชิญสถานการณ์ยืดเยื้อยาวนาน และการกระทำ ที่เหมือน หลอกเจ้าหน้าที่ให้งงเล่น

ในแง่ของข้อเรียกร้อง และพฤติกรรมการชุมนุม อาจดูเหมือนสันติ แต่ภาษาที่ใช้ และ ข้อเรียกร้องนั้น รุนแรง และบาดลึก สร้างความแตกแยกอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน จนรู้สึกว่า การยกระดับข้อเรียกร้องให้ดันเพดานไปเรื่อยๆแบบนี้ที่สุดแล้วจะลงกันอย่างไร

ที่สำคัญ ข้อเรียกร้องและการแสดงออกในหลายเรื่อง ละเมิดกฎหมายที่มีอยู่จนผู้รักษากฎหมายไม่อาจเพิกเฉยได้

ผมบอกคนที่ถามว่า สถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คนออกสุดปลายทั้ง ๒ ขั้ว มากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ตรงกลาง จะค่อยๆว่างลงคนตรงกลางจะหลบเร้น

เป็นแบบนี้ไป สุดท้ายคือ การเผชิญหน้า อย่างยากจะหลีกเลี่ยง หากจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ทางออกดูลางเลือน แต่ในความลางเลือนนั้น มีแสงน้อยๆ คือ การพูดถึงเรื่องสมานฉันท์เพราะตรงนี้ คือ พื้นที่ตรงกลาง ของคนเห็นต่างมาแลกเปลี่ยนกันได้แต่ต้องไม่จำกัดรูปแบบและไม่จำกัดคน ไม่จำกัดอายุคนไม่จำกัดหัวข้อ

แต่ผมว่า ยากที่จะบอกว่า มันเวิร์คหรือไม่?

เพราะมันมีหลายปัจจัยร่วม แต่ผมว่า จำเป็นต้องมี หากมีก็ลองผิดลองถูกกันไปอย่างน้อย ในสงครามยังมีวันสงบศึกชั่วคราว เพื่อเจรจากัน หรือ ยังมีเขตปลอดการใช้กำลังทำไมเราจะมีพื้นที่ตรงกลางไม่ได้

ที่ผมกังวลคือ ความรู้สึกว่า “พวกเราเยอะกว่า ไม่ต้องยอมกัน” เพราะนี่คือ สัญญาณ สู้ไม่ถอย

ดังนั้นที่ นายกฯบอกต้องถอยคนละก้าว หรือ อาจจะสองก้าว ผมว่า คือตรงนี้ใครจะว่า ช้าไป ผมว่า ไม่ช้า แต่เรารู้สึกว่าช้า เพราะสถานการณ์ไปเร็วมาก ต้องอดทน พูดคุยหาทางกันไปครับ

ถ้าไม่ทำ ไม่คุย ถึงวันหนึ่ง อาจไม่มีโอกาสคุยกันอีกแล้วครับ