ส.ส.งูเห่า อ้างเอกสิทธิ์โหวตสวนมติพรรค โวยเพื่อไทยทำไม่ถูกต้อง ท้าให้ขับออกจากพรรค

นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกล่าวถึงกรณีการโหวตรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2 566 สวนมติพรรค ที่ให้โหวตไม่รับหลักการว่าไม่เห็นด้วยกับมติพรรคให้โหวตไม่รับหลักการ เพราะเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของประชาชน ยังไงก็สมควรโหวตให้ หรือเต็มที่ก็งดออกเสียง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยโหวตงดออกเสียงมาตลอด แต่เที่ยวนี้ให้ไม่รับหลักการ จึงจำเป็นต้องโหวตสวนมติพรรค

นายนิยม กล่าวต่อว่าส่วนอนาคตทางการเมืองนั้น คงไม่ได้อยู่กับพรรคเพื่อไทยอีก จะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เป็นส.ส.อยากทำงานให้ประชาชน แต่การเป็นฝ่ายค้านไม่มีงบประมาณลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ ถ้าเป็นรัฐบาลอย่างน้อยก็ช่วยประสานของบประมาณไปแก้ไขปัญหาได้ จึงตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ถ้าพรรคจะมีมติขับออกจากส.ส.ก็พร้อมรับมติพรรค.

ทางด้านนายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า เป็นเอกสิทธิของส.ส.ในการโหวตลงมติ ปกติแล้วการโหวตพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายที่ผ่านมา ฝ่ายค้านจะงดออกเสียงไม่เคยลงมติไม่เห็นด้วย แต่เที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าไม่เห็นด้วย ขัดกับวัฒนธรรมการลงมติในอดีต ดูแล้วไม่น่าจะถูกต้อง

“ถ้าจะให้ผมโหวตไม่เห็นด้วยตามมติพรรค คงทำไม่ได้ จึงตัดสินใจโหวตสวน รับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี2566 เป็นเรื่องน่าแปลกที่พรรคโหวตไม่รับหลักการ แต่กลับไปร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2566 ในวาระสอง ดูแล้วไม่ค่อยดี ไม่เคยปรากฏมาก่อน” นายจักรพรรดิ ระบุ

นายจักรพรรดิ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้หากพรรคจะเรียกไปชี้แจงต่อคณะกรรมการบริหารพรรคหรือคณะกรรมการจริยธรรมพรรคก็พร้อมไปชี้แจง และจะตั้งคำถามกลับด้วยว่า เหตุใดถึงให้โหวตไม่รับหลักการขัดกับวัฒนธรรมการโหวตกฎหมายงบประมาณ พรรคต้องตอบคำถามให้ได้ ไม่ใช่แค่ตอบตน แต่เป็นการตอบข้อสงสัยของประชาชนด้วย ไม่ใช่พนักงานบริษัทที่ใครจะมาสั่งอะไรได้ แต่มาจากประชาชนจึงมีเอกสิทธิในการโหวต

นายจักรพรรดิ กล่าวด้วยว่า ส่วนอนาคตทางการเมืองที่ถูกมองจะไปอยู่พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์น้ั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ให้เป็นเรื่องอนาคต ยังพูดและสรุปอะไรตอนนี้ไม่ได้ ขอให้เป็นไปตามเวลา รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีก็ไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้เช่นกันว่า จะโหวตในทางใด เพราะยังไม่ถึงเวลา หากพรรคจะมีมติขับออกจากพรรค เพราะไม่ปฏิบัติตามมติพรรค ยินดีรับบทลงโทษ แต่พรรคต้องมีความชัดเจนตอบคำถามข้อสงสัยของตนให้ได้เช่นกัน.