โหมโรงเลือกตั้ง ‘ปาร์ตี้ลิสต์ 54 เบอร์’ พรรคใหญ่ชวดเลขหลักเดียว

ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ กกต.ประกาศจะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 4-7 เม.ย.นี้

โดยบรรยากาศการรับสมัครเป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่เช้ามืดสมาชิกและกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างเดินทางมาพร้อมดอกไม้ ป้ายหาเสียง เพื่อให้กำลังใจพรรคของตน ด้วยหวังว่าหัวหน้าพรรคจะจับสลากได้หมายเลขประจำพรรคที่เป็นเลขมงคล หรือเลขสวย ที่จะทำให้ง่ายต่อการหาเสียง ซึ่ง กกต.จัดสถานที่ให้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองอยู่บริเวณลานช้างด้านหลังอาคารไอราวัตพัฒนาที่เป็นสถานที่รับสมัคร พร้อมกับจัดให้หัวหน้าและแกนนำพรรคการเมืองที่เดินทางมาถึงเข้าทางประตู 5 ของอาคาร เพื่อจะได้สักการะพระอินทร์ทรงช้าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำลานช้าง และทักทาย รับกำลังใจจากกลุ่มผู้สนับสนุนก่อนเข้าตัวอาคาร

ทั้งนี้ กกต.จำกัดจำนวนตัวแทนพรรคการเมืองที่จะเข้าห้องรับสมัครพรรคละ 5 คน และบริเวณโดยรอบอาคารมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความเรียบร้อย และทุกประตูทางเข้า-ออกของอาคาร มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนคอยดูรักษาความสงบเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อคึกคักมากขึ้น เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง มาพร้อมไม้กวาด อ้างว่าต้องการมอบให้กับหัวหน้าพรรคการเมือง เนื่องจากการเมืองสกปรก มีพรรคการเมืองที่ชูนโยบายกัญชามอมเมาประชาชน และซื้อขายตัว ส.ส.ถึงเขตละ 60 ล้าน จำนวน 85 คน หากได้รับเลือกตั้งเข้าไปจะทำให้บ้านเมืองล่มจม นายชูวิทย์ยังได้เดินพบปะพูดคุยหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคต่างๆ สอบถามถึงแนวทางในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองหนึ่ง

สำหรับพรรคการเมืองแรกที่มาลงในการสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อคือ พรรคเพื่อชาติไทย ลงชื่อในสมุดลงเวลา 05.49 น. จากนั้นมีพรรคต่างๆ รวม 49 พรรค ที่มาลงเวลาก่อนเวลา 08.30 น. ที่ กกต.กำหนดเริ่มรับสมัคร

จากนั้นเวลา 08.30 น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมด้วยนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ, นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต. และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้หารือร่วมกับหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อตกลงกำหนดลำดับการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง หากไม่สามารถตกลงกันได้ ประธาน กกต.จะดำเนินการจับสลาก โดยการจับสลากจะแบ่งเป็น 2 รอบ คือ 1.การจับสลากครั้งที่ 1 ประธาน กกต.จับสลากชื่อพรรคการเมืองเพื่อจัดลำดับพรรคการเมืองที่มีสิทธิจับสลากลำดับในการยื่นใบสมัคร และ 2.การจับสลากครั้งที่ 2 ให้หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ที่ได้รับมอบหมายฯ ทำการจับสลากเรียงลำดับตามผลการจับสลากครั้งแรก เมื่อพรรคจับสลากได้หมายเลขใด ให้ถือเป็นลำดับในการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร

คึกคักจับหมายเลขพรรค

ต่อมานายอิทธิพรได้ดำเนินการจับสลากชื่อพรรคการเมืองเพื่อจัดลำดับพรรคการเมืองที่มีสิทธิจับสลากลำดับในการยื่นเอกสารใบสมัครก่อนให้หัวหน้าพรรคหรือผู้แทนจับสลากเพื่อให้ได้ลำดับในการยื่นเอกสารการสมัคร ซึ่งหมายเลขที่ได้จะถือว่าเป็นหมายเลขประจำพรรคที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อหัวหน้าพรรคขึ้นจับสลาก และได้รับหมายเลขใด ก็จะมีเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของตัวแทนพรรคที่เข้าร่วมในการจับสลาก รวมทั้งมีการแจ้งไปยังผู้สนับสนุนที่ปักหลักอยู่บริเวณลานช้าง ต่างก็โห่ร้องแสดงความยินดี ซึ่งพบว่าการจับสลากครั้งนี้พรรคการเมืองขนาดเล็กส่วนใหญ่จะได้รับหมายเลขหลักเดียว ซึ่งจะง่ายต่อการหาเสียง ส่วนพรรคการเมืองขนาดใหญ่จะได้รับหมายเลข 2 หลัก

สำหรับเลขพรรคที่มีการจับสลากหมายเลข เบอร์ 1 พรรคใหม่, เบอร์ 2 พรรคประชาธิปไตยใหม่, เบอร์ 3 พรรคเป็นธรรม, เบอร์ 4 พรรคท้องที่ไทย, เบอร์ 5 พรรคพลังสังคมใหม่, เบอร์ 6 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, เบอร์ 7 พรรคภูมิใจไทย, เบอร์ 8 พรรคแรงงานสร้างชาติ, เบอร์ 9 พรรคพลัง, เบอร์ 10 พรรคอนาคตไทย, เบอร์ 11 พรรคประชาชาติ, เบอร์ 12 ไทยรวมไทย, เบอร์ 13 พรรคไทยชนะ, เบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า, เบอร์ 15 พรรคกรีน, เบอร์ 16 พรรคพลังสยาม, เบอร์ 17 พรรคเสมอภาค, เบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา, เบอร์ 19 พรรคภาคีเครือข่ายไทย, เบอร์ 20 พรรคเปลี่ยน, เบอร์ 21 พรรคไทยภักดี, เบอร์ 22 พรรครวมไทยสร้างชาติ, เบอร์ 23 รวมใจไทย, เบอร์ 24 พรรคเพื่อชาติ, เบอร์ 25 พรรคเสรีรวมไทย, เบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์, เบอร์ 27 พรรคพลังธรรมใหม่, เบอร์ 28 พรรคไทยพร้อม, เบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย เบอร์ 30 พรรคทางเลือกใหม่, เบอร์ 31 พรรคก้าวไกล, เบอร์ 32 พรรคไทยสร้างไทย, เบอร์ 33 พรรคไทยเป็นหนึ่ง, เบอร์ 34 พรรคแผ่นดินธรรม, เบอร์ 35 พรรครวมพลัง, เบอร์ 36 พรรคเพื่อชาติไทย, เบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ, เบอร์ 38 พรรคเพื่อไทรวมพลัง, เบอร์ 39 พรรคมิติใหม่, เบอร์ 40 พรรคประชาภิวัฒน์, เบอร์ 41 พรรคไทยธรรม, เบอร์ 42 พรรคไทยศรีวิไลย์, เบอร์ 43 พรรคพลังสหกรณ์, เบอร์ 44 พรรคราษฎร์วิถี, เบอร์ 45 พรรคแนวทางใหม่, เบอร์ 46 พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล, เบอร์ 47 พรรครวมแผ่นดิน, เบอร์ 48 พรรคเพื่ออนาคตไทย และเบอร์ 49 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย

นอกจากนี้ ช่วงหลังการจับสลากหมายเลขแล้ว มีพรรคการเมืองมาสมัครเพิ่มเติมอีก 5 พรรค จึงได้เบอร์ 50 พรรคพลังปวงชนไทย, เบอร์ 51 พรรคไทยก้าวหน้า, เบอร์ 52 พรรคสามัญชน, เบอร์ 53 พรรคชาติรุ่งเรือง และเบอร์ 54 พรรคพลังสังคม รวมพรรคการเมืองที่สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันแรกของการเปิดรับสมัครทั้งสิ้น 54 พรรค

นายอิทธิพรกล่าวหลังพรรคการเมืองจับหมายเลขเสร็จสิ้นว่า หมายเลขแต่ละพรรคการเมืองอาจจะเปลี่ยนแปลงได้หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารแล้วพบว่าคุณสมบัติของผู้สมัครบัญชีรายชื่อไม่สมบูรณ์ และหากพรรคดังกล่าวยังคงยืนยันที่จะยื่นรายชื่อที่เหลือก็สามารถทำได้ แต่พรรคนั้นๆ ต้องการถอนเอกสารทั้งหมดเพื่อนำกลับไปดำเนินการให้สมบูรณ์แล้วกลับมายื่นสมัครในวันถัดไป ก็จะทำให้หมายเลขของพรรคการเมืองเปลี่ยนไป พรรคที่ได้ลำดับถัดไป ก็จะเลื่อนขึ้นมาแทนที่

“กกต.จะใช้เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องจากมีเอกสารต้องตรวจสอบถึง 20 ชุด จากนั้นจะออกประกาศหมายเลขลำดับของพรรคการเมืองที่จะนำไปใช้ในการหาเสียงได้อย่างเป็นทางการ” ประธาน กกต.ระบุ

บิ๊กตู่โชว์ท่า Y2K เบอร์ 22

อย่างไรก็ตาม นายแสวง บุญมี เลขาฯ กกต. แถลงข่าวอีกครั้งว่า จากการตรวจสอบเอกสารการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 49 พรรคการเมือง ทั้งหมดมีคุณสมบัติครบแล้ว ได้หมายเลขตามลำดับที่จับสลากได้ ทั้งนี้ ภาพรวมการรับสมัครค่อนข้างเรียบร้อย มีปัญหาอยู่บ้างคือสถานที่คับแคบ จุดรับสมัครน้อย

“ในส่วนการแจ้งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีจำนวน 16 พรรค 20 คน” นายแสวงกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางถึงอาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง กทม. โดยสวมเสื้อสูทสีกรมท่า พร้อมห้อยบัตรที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคฯ และแกนนำพรรคร่วมคณะ

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังพรรค รทสช.จับสลากได้หมายเลข 22 ว่า ทุกเลขดีหมด เมื่อถามว่าได้หมายเลข 22 จะสามารถทำให้กลับมาเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เดี๋ยวรอก่อน รอให้เลือกตั้งก่อนสิ” เมื่อถามว่าเจ็บมือใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เจ็บมือ ถามว่าจะชูมือได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยกสองมือชูนิ้วคล้ายท่า Y2K ผู้สื่อข่าวจึงพยายามถามว่าจะทำถ้าคล้าย Y2K หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์จึงทำท่า Y2K ค้างโชว์สื่อมวลชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บังเอิญเห็นจึงตะโกนแทรกขึ้นว่า ได้เลข 22 ตรงกับวันยึดอำนาจ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถาม

เมื่อถามว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 รายชื่อ ส่งเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พร้อมเรียบร้อยทุกอย่าง ทำตามกฎระเบียบทุกประการ ประชาธิปไตยก็ต้องทำตามนั้น ก็ดีใจทุกพรรคก็มาร่วมกันทั้งหมด รู้จักกันทั้งนั้นส่วนใหญ่

เมื่อถามว่า ตื่นเต้นหรือไม่ช่วงที่หัวหน้าพรรคขึ้นไปจับเบอร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องตื่นเต้นอะไร อยู่จนป่านนี้แล้วจะตื่นเต้นอะไร เมื่อถามว่าเบอร์ 22 ถือว่าหาเสียงง่ายเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หันไปทางนายพีระพันธุ์พร้อมกล่าวว่า ก็ถามหัวหน้าพรรคดู

ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวได้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าเบอร์ 22 อีกครั้ง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าโชว์สื่อด้วยการยกกำปั้นชูสองข้าง จากนั้นทำท่าชูสองนิ้วสองมือ และทำท่า Y2K ซึ่งระหว่างนี้ทีมรปภ.ได้พยายามกันสื่อมวลชนและบอกขอให้นายกฯ เป็นการส่วนตัว ขณะที่สื่อมวลชนกล่าวว่า นายกฯ เป็นนักการเมืองแล้ว อย่าเพิ่งส่วนตัวเวลานี้ ให้สัมภาษณ์สื่อก่อน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หยุดยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เบอร์ 22 เลขที่ใกล้วันเกิดของตัวเอง

ถามว่าจะหาเสียงง่ายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การหาเสียงเป็นการหาเสียงให้ประชาชนเข้าใจบ้านเมืองเป็นมาอย่างไร คงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขอย่างเดียวหรอก อยู่ที่นโยบายการหาเสียงว่าเราจะย้อนไปดูอดีตก่อนเป็นมาอย่างไร แล้ววันนี้เรามีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง และประชาชนต้องการอะไร อันนี้คือหน้าที่ของพรรคการเมืองรัฐบาลใหม่ต้องทำใช่ไหม สางทุกปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาเราก็แก้ไปเยอะ ต้องใช้เวลาทำ ก็ทำไป ทำด้วยความสุจริตโปร่งใส ไม่ใช่ติเขาไปหมด และไม่ได้ปิดกั้นใคร

ซักว่าจะใช้สัญลักษณ์ใดในการหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์หันไปถามนายพีระพันธุ์ว่าใช้อะไรดี และหันมากล่าวว่า Y2K ก็ได้ ตอนนี้มือยังเจ็บอยู่ พร้อมทำท่าให้สื่อดูอีกครั้ง และกล่าวว่า เด็กเขาสอนไว้แต่ก่อนทำไม่เป็นหรอก เมื่อถามว่าคิดว่าจะเอาท่าดังกล่าวไปใช้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อถามก็ตอบ ก็ต้องเอาไปใช้สิ ถามกลับไปกลับมาอยู่นั่นแหละ

เซฟโซน รทสช.อยู่ 12-15

ถามว่าหลังจากนี้พร้อมจะลงหาเสียงเต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางพรรคจัดเวลาให้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งเรื่องการจับขั้วรัฐบาล ยังยืนยันขั้วเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่พูดถึง จะมาพูดอะไรตอนนี้เล่า เมื่อถามว่ามองกันว่าพรรค รทสช.อาจจะได้เสียงมาไม่ถึงขั้นสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว จึงต้องมีพรรคร่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็คอยดูแล้วกัน แล้วค่อยว่ากันใหม่ แค่ถามว่าประเมินตัวเลขน่าจะได้สักเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ใช่คนเลือกนี่จ๊ะ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ก่อนที่จะขึ้นรถมวลชนของพรรคพลังประชารัฐได้ร่วมกันเปล่งเสียงตะโกนลุงป้อม 37 ถี่ๆ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดฟัง พร้อมถามนายพีระพันธุ์และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าเขาตะโกนว่าอะไร น.ส.ทิพานัน จึงกล่าวว่า กองเชียร์ของอีกพรรคหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางเป้าจะได้ ส.ส.เข้ามาเท่าไหร่ว่า พูดทำไม พูดไปก็เกทับกันไปมา รอความเป็นจริง อยู่ที่ประชาชน ใครจะได้-ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ให้โอกาสคนที่จะเข้ามาทำการเมือง มีเยอะแยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค รทสช.ที่ยื่นไป 100 รายชื่อ พบว่าส่วนใหญ่ไม่พลิกความคาดหมาย คือ ระดับแกนนำพรรค กรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันที่อยู่ในพรรค ตอนนี้ 4 คนคือ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ, นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในลำดับต้นๆ หมด

โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า มีการประเมินจากแกนนำพรรคว่า เซฟโซนทางการเมืองของรวมไทยสร้างชาติน่าจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ประมาณ 12-15 คน แต่ก็มีบางฝ่ายในวงการการเมือง ประเมินว่า รวมไทยสร้างชาติให้กระแสลุงตู่ฟีเวอร์ เต็มที่ น่าจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่เกิน 12 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่หากเกิดกรณีรวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ก็น่าจะทำให้เกิดสูตร คือให้คนที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แล้วเป็นรัฐมนตรี ต้องลาออกจาก ส.ส. ให้เป็นรัฐมนตรีอย่างเดียว เพื่อให้คนที่มีชื่ออยู่ในลำดับถัดๆ ไปได้เข้ามาเป็น ส.ส.

โดยบัญชีรายชื่อดังกล่าว ประกอบด้วย 1.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 2.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ 3.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 4.ม.ล.ชโยทิต กฤดากร 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น 6.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ 7.นายวิทยา แก้วภราดัย 8.นายชัชวาลล์ คงอุดม 9.นายจุติ ไกรฤกษ์ 10.นายธนกร วังบุญคงชนะ 11.นายเกรียงยศ สุดลาภา 12.นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง 13.นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ 14.นายอนุชา บูรพชัยศรี 15.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ 16.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 17.นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ 18.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ เป็นต้น

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เดินทางมาพร้อมแกนนำพรรคเพื่อมาสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตั้งแต่ช่วงเช้า โดยพล.อ.ประวิตรชูมือสองข้างทักทายกองเชียร์และสื่อมวลชน จากนั้นได้เดินขึ้นบันไดไปยังหน้าอาคารไอราวัตพัฒนา พร้อมกำหมัดข้างขวาขึ้นเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าสู้ๆ

ถามว่า คาดหวัง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กี่ที่นั่ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ประมาณ 20 ที่นั่ง

ลุงป้อมปรับยุทธศาสตร์สู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลักษณะท่าทางของ พล.อ.ประวิตรในวันนี้มีท่าทางแข็งแรง สดชื่น อารมณ์ดี และเดินโดยไม่มีคนประคองแต่อย่างใด

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังพรรค พปชร.จับสลากได้หมายเลข 37 ว่า 37 ถือเป็นเลขดี บวกกันแล้วได้ 10 และไม่กังวลว่าเป็นเลขที่อยู่ลึก แต่จำง่าย ตนพอใจ ขอให้ประชาชนเลือกหมายเลข 37 ซึ่งเป็นหมายเลขของ พปชร. 37 เป็นเลขดี หมายถึง 3 นโยบายหลัก และบัตรประชารัฐ 700

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ทำสัญลักษณ์มือหมายเลข 37 ที่จะใช้ในการหาเสียง และถ่ายภาพกับป้ายหาเสียงที่ติดหมายเลข 37 พร้อมกับระบุว่า หากประชาชนจะเลือกก็ถือว่าจำง่าย ถ้าไม่เลือก ทำอย่างไรประชาชนก็จำไม่ได้ โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกับแกนนำพรรค พปชร.

พล.อ.ประวิตรยังให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า จะได้ ส.ส. 20 ที่นั่งตามเป้าหมายเดิม เมื่อถามว่าจะไปถึง 37 ที่นั่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้อนว่า “เอาให้ได้เท่าเดิมก่อนเถอะ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร มีบรรดากองเชียร์และผู้สนับสนุนของ พปชร.ต่างตะโกนเชียร์ว่า “ลุงป้อม 37” ซึ่งระหว่างนั้นเอง ปรากฏว่ามีกองเชียร์จากพรรคเพื่อไทยได้เดินทางเข้าในระยะใกล้เคียง พร้อมกับตะโกนส่งเสียงแข่งว่า “29 เพื่อไทย” จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกมาดูเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกัน ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะขึ้นรถยนต์ส่วนตัวและเดินทางออกไปโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย

ที่พรรค พปชร. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพื่อติดตามการดำเนินการของพรรคในเรื่องกิจกรรมการปราศรัยหาเสียง การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ และการจัดทำนโยบายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังจากเมื่อช่วงเช้าพาแกนนำพรรคไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และจับสลากหมายเลขพรรคได้เบอร์ 37 โดยมีการเก็บโทรศัพท์ ไม่ให้นำติดตัวเข้าไปในห้องประชุม โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 18.30 น. พล.อ.ประวิตร ได้ลงมาจากห้องประชุมพร้อมกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา โดย พล.อ.ประวิตรได้ทักผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่กลับบ้านกันอีกหรือ รอทำไม ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับไปว่า มารอ พล.อ.ประวิตร และอยากทราบผลการประชุมที่ใช้เวลานาน พล.อ.ประวิตรจึงตอบว่า ประชุมเรื่องงานในพรรค เรื่องอะไรต่างๆ ไม่มีอะไรหรอก เป็นยุทธศาสตร์ของพรรค

ถามว่า ปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับหมายเลขด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ๆ เลข 37 นี่โอ แล้วเป็นลำดับของพรรคที่จะจับสลากด้วย พอจับหมายเลขก็ได้ 37 อีก 37 สองทีเลย เมื่อถามว่าแสดงว่าเลขนี้สมพงศ์แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไรว่าสมพงศ์หรือไม่สมพงศ์ เมื่อถามว่า จะทำสัญลักษณ์มืออย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เห็นต้องทำเลย จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ขึ้นรถยนต์เปิดกระจกยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวแล้วออกจากที่ทำการพรรคไป

นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือปรับยุทธศาสตร์หาเสียงให้สอดคล้องกับการจับได้หมายเลขบัญชีรายชื่อ 37 โดยเปลี่ยนจาก 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด เป็น 3 เร่งด่วน 7 เร่งรัด

‘อนุทิน’ ถูกโฉลกเบอร์ 7

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการจับฉลากหมายเลขพรรคได้เบอร์ 7 ว่า เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับตน ส่วนเรื่องเอกสารที่บางพรรคอาจยื่นไม่ถูกต้อง และอาจทำให้เลขถูกเลื่อนขึ้น กลายเป็นเลขไม่ถูกโฉลกนั้นก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าดีทุกเบอร์ แต่ตอนนี้เราได้เลขตัวเดียว พรรคอื่นหากมีปัญหาเรื่องเอกสารเลื่อนขึ้นมาก็ยังเป็นเลขตัวเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ติดเบอร์ตามป้ายหาเสียงเพื่อเอาเคล็ดแล้ว จากนั้นนายอนุทินได้โชว์สัญลักษณ์เลข 7

ถามว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ..… ต่อหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เดินหน้าแน่นอน เพราะร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เห็นชอบแล้ว มีมติเสียงข้างมากแล้ว เมื่อเรากลับเข้าสภาก็จะเสนอร่างนี้อีก ซึ่งบางคนไม่รู้ว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ ประเทศชาติ และประชาชน การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่พรรคภูมิใจไทยเข้ามาได้ส่วนหนึ่งก็เพราะนโยบายกัญชา ฉะนั้น สำหรับคนที่ไม่เข้าใจเราก็จะเดินหน้าสร้างความเข้าใจ

ซักว่า จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยคือจะไม่ร่วมมือทำงานกับพรรคที่ไม่สนับสนุนกัญชาใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้รอผลการเลือกตั้งก่อน ยืนยันว่าทุกพรรคสนับสนุนกัญชา เพราะในคราวลงมติรับหลักการร่างกฎหมายกัญชา ทุกพรรครับหลักการ แต่เพิ่งมาคว่ำในวาระที่สอง ซึ่งเป็นเรื่องการเมือง

ถามว่า มีคนปรามาสว่าให้นายอนุทิน กลับไปเป็นผู้รับเหมา ไม่ต้องมาเล่นการเมือง คิดเห็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความปรามาสของคนมาตลอด แต่ในที่สุดพรรคภูมิใจไทยก็เป็นพรรคที่มีผลงานมาก เป็นพรรคที่พูดแล้วทำ นโยบายอะไรที่ให้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชนก็ทำได้หมด ซึ่งน่าจะเป็นพรรคเดียวในระบบที่มั่นใจว่ามีการเติบโต

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ท่ามกลางกองเชียร์พรรค พท.ที่ชูป้ายพร้อมตะโกนให้กำลังใจหมายเลข 29 กันอย่างคึกคัก

พท.ชู 29 เปลี่ยนตัวนายกฯ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า โชคดีที่ได้หมายเลข 29 เพราะเป็นหมายเลขที่เราต้องการ เราต้องการเลขสองหลัก และการได้เลข 29 จะสะดวกต่อการรณรงค์หาเสียง ตอนนี้เรากำลังรณรงค์หาเสียงเพื่อเป็นนายกฯ คนที่ 30 ดังนั้นการได้หมายเลข 29 จะเป็นการเปลี่ยนนายกฯ คนที่ 29 เป็นคนที่ 30 เราต้องเปลี่ยนนายกฯ คนที่ 29 ออก เมื่อถามว่าใครจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามีขั้นตอนการเสนอรายชื่ออยู่

ถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แล้วเป็นการเตรียมพร้อมเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคแล้วใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในวันที่ 5 เม.ย. พรรคจะมีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ หลังจากได้ประชุมกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับตัวแทนสาขาพรรค และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ร่วมเป็นองค์ประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรค พท. 100 คนนั้น ลำดับต้นจะเป็นอดีตหัวหน้าพรรคและกลุ่มแกนนำพรรคที่อยู่มานาน โดยลำดับที่ 1 คือ พล.ต.ต.วิโรจน์ เปาอินทร์, ลำดับที่ 2 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, ลำดับที่ 3 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, ลำดับที่ 4 นายชูศักดิ์ ศิรินิล, ลำดับที่ 5 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, ลำดับที่ 6 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ จากนั้นจะเป็นแกนนำที่เคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และจะวางตัวให้ทำงานในสภา คือลำดับที่ 7 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 8.นายสุชาติ ตันเจริญ 9.นายสุทิน คลังแสง 10.นายชัยเกษม นิติสิริ 11.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 12.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ 13.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 14.นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร 15.นายนพดล ปัทมะ 16.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 17.นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ 18.นายอดิศร เพียงเกษ 19.นายนิคม บุญวิเศษ 20.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อย่างไรก็ตาม โดยธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคเพื่อไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี จะต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อให้ลำดับถัดไปได้เข้ามาทำหน้าที่ในสภา ขณะที่ลำดับท้ายๆ จะอยู่ในฝ่ายบริหาร อาทิ ลำดับที่ 98 นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด, ลำดับที่ 99 นายสนธยา คุณปลื้ม, ลำดับที่ 100 นายภูมิธรรม เวชยชัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ผู้ที่เคยถูกวางตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตแล้วมีการทับซ้อนของพื้นที่จนต้องถอนตัวออกไปนั้น ก็จะได้ถูกจัดลำดับให้อยู่ในเซฟโซน อาทิ ลำดับที่ 33 นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช, ลำดับที่ 34 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่น่าสนใจ คือลำดับที่ 22 นางประวีณ์นุช อินทปัญญา ภรรยา พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนสนิท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำให้สมาชิกพรรคต่างแปลกใจที่ได้อยู่ในลำดับต้นๆ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้หมายเลข 32 กล่าวว่า เป็นหมายเลขมงคล เนื่องจากหมายเลขดังกล่าวไปตรงกับนโยบายของพรรค ที่มุ่งมั่นในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย 32 ประการ และไม่ว่าจะหมายเลขใดก็สามารถทำให้ชนะได้ ซึ่งเลข 32 ถือเป็นกุศโลบายว่าให้คนไทยชนะแข็งแรง และมีอวัยวะครบ 32 ประการ เพราะว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ไทยสร้างไทยจะทำให้คนตัวเล็กกลับมาแข็งแรงครบ 32 ประการ

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงหมายเลข 14 ของพรรคชาติพัฒนากล้าว่า หมายเลข 14 หมายถึงเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. กาเบอร์ 14 ก็ดีใจ ขอขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องตรวจเอกสารก่อน ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเลื่อนเบอร์หรือไม่ จากเดิมคิดว่าวันนี้ได้เบอร์แล้วจะพิมพ์บัตรโปสเตอร์ ทำให้ยังไม่แน่ใจ กลัวเบอร์ก่อนหน้านี้จะมีปัญหา เดิมตั้งใจจะทำสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ต้องรอฟัง กกต.ก่อน

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการจับฉลากได้หมายเลข 26 ว่า ขอให้ กกต.ประกาศอย่างเป็นทางการเสียก่อน เพราะหมายเลขอาจจะยังไม่นิ่ง และอาจปรับเปลี่ยนขึ้นมา ดังนั้นเรื่องนี้จึงขอรอไว้ก่อน แต่หลักๆ ไม่ว่าจะเบอร์อะไรก็ไม่มีปัญหา เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือผลงาน ความซื่อสัตย์ที่ประเทศต้องการ และทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืน ถ้าทุจริต มีการซื้อเสียง เกิดการประมูลตัว ส.ส. ก็จะมีการถอนทุนคืน

“ที่ผ่านมาเวลาเกิดรัฐประหารก็อ้างเหตุนี้ จนทำให้ประชาธิปไตยล้มครืน และกลายเป็นต้องนับหนึ่งกันใหม่ ดังนั้น ความซื่อสัตย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เบอร์เป็นเพียงส่วนประกอบ เชื่อว่าเมื่อถึงเวลา หมายเลขประชาชนจะจำได้ คนที่เขาสนใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าเขาจำได้ และจะไปลงคะแนนได้ ไม่ยาก” นายจุรินทร์กล่าว

ต่อมา เวลา 12.00 น. นายจุรินทร์นำคณะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง เดินทางมาสักการะศาลหลักเมืองเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย และเพื่อเสริมสิริมงคลแก่สมาชิกพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส. ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ได้ตีกลองและฆ้องเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจผู้สมัครและสมาชิกพรรคทุกคนให้ร่วมกันนำชัยชนะมาสู่พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเท้าไปสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 100 คนนั้น ลำดับที่ 1-12 ได้แก่ 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิษฏ์ 2.นายชวน หลีกภัย 3.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน 4.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 5.นายนิพนธ์ บุญญามณี 6.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ 7.นายนราพัฒน์ แก้วทอง 8.นายไชยยศ จิรเมธากร 9.นายเกียรติ สิทธีอมร 10.น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร 11.น.ส.วทันยา บุนนาค 12.นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นต้น