‘หมวดเจี๊ยบ’ ป้องกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ฉะ ‘ผบ.ทบ.’ วางตัวไม่เหมาะสม

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือ “หมวดเจี๊ยบ” โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2562 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาแฉว่า การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้น ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้นตรงไหน เพราะนี่ก็เป็นแค่ Hate Speech หรือ มุกฝืด ๆ แบบเดิม ๆ ที่รัฐบาลทหารทุกยุคนิยมใช้ เพื่อดิสเครดิตคนคิดต่างจากรัฐบาล ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นแล้ว

อันที่จริง ใครจะอยู่เบื้องหลัง งานวิ่งไล่ลุง ยังไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่า ทุกวันนี้ ผบ.ทบ. วางตัวทางการเมืองได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เพราะกฎหมายวางกรอบไว้ชัดเจนว่ากองทัพต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

ทั้งนี้ ก็อยากถาม พล.อ.อภิรัชต์ ว่า ผบ.ทบ. ที่เอากองทัพมารับใช้พรรคการเมืองบางพรรค เพื่อส่งสัญญาณให้ใคร ๆ เห็นว่ามีทหารหนุนหลัง

ทั้งยังส่งกำลังทหารไปคอยข่มขวัญและกดดันทีมงานของพรรคฝ่ายค้าน ทั่วประเทศ แต่ช่วยหาเสียงให้พรรครัฐบาล

แถมยังอุ้มประชาชนที่คิดต่างไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ตลอดจนยัดข้อหาความมั่นคงต่าง ๆ ให้เพื่อปิดปาก

รวมทั้ง เบื้องหลังของการยุบพรรคการเมืองต่าง ๆ นั้น

ขอถาม พล.อ. อภิรัชต์ ว่า ท่านมองผู้บัญชาการทหารบกที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ว่าวางตัวเป็นเช่นไร? มีพฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่?

และอยากถามว่าสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำสงคราม Proxy War หรือ Proxy Crisis ตามทฤษฎีของ ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่?

ในส่วนของงานวิ่งไล่ลุงนั้น ต่อให้มีคนสนับสนุนเบื้องหลังอย่างที่ ผบ.ทบ. พูดจริง ๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และไม่ทำอะไรที่กระทบสิทธิผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ใช่เรื่องแปลก

ต่างจาก กรณี ผบ.ทบ. ซึ่งไม่มีสิทธินำกองทัพมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้พรรคการเมืองใด เพราะผิดกฎหมาย และขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เนื่องจาก กองทัพต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

เพียงแต่ทุกวันนี้ ส่วนราชการอื่น ๆ โดยเฉพาะตำรวจคงไม่กล้าทำอะไรกองทัพ เพราะเกรงใจรัฐบาลทหาร และมองว่า กองทัพกับรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวกัน กล่าวคือ เมองว่า กองทัพกับรัฐบาล เป็น Proxy หรือตัวแทนของกันและกัน ใคร ๆ จึงไม่กล้าแตะต้อง

แต่ภาพที่เกิดขึ้น มันแทงหูแทงใจประชาชน จึงทำให้ประชาชนทนไม่ไหวและพร้อมใจกันลงถนนเพื่อขับไล่รัฐบาล แม้ว่าทุกวันนี้ ประชาชนจะมีตัวแทนนั่งอยู่ในสภาแล้วก็ตาม

ดังนั้น กองทัพต้องมองเรื่องการแสดงออกของประชาชนให้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปมองว่าเป็นภัยความมั่นคง เพราะนี่เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนใรชีวิตประจำวัน

เพราะประชาชนไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่การหย่อนบัตรเลือกตั้ง 3-4 วินาที ในคูหาเลือกตั้งเท่านั้น แต่ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะชุมนุมเพื่อแสดงออกทางเมืองได้ตลอดเวลา ตราบใดที่พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ดังนั้น กองทัพและรัฐบาลทหารก็ควรทำตัวให้ชินและแก้ปัญหาในสังคมประชาธิปไตยด้วยความเข้าใจ อย่าไปใช้วิชามารเพื่อสกัดกั้นแบบโอเว่อร์แอ๊คชั่น เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังจะกลายเป็นการช่วยเรียกแขก ทำให้ม็อบยิ่งโตขึ้นด้วย

ทั้งนี้ การสกัดม็อบ ที่ได้ผลชะงัดที่สุดและง่ายที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วรีบลาออกไป ทันที

ซึ่งนอกจาก จะทำให้บ้านเมืองสงบแล้ว รับรองว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ก็จะคึกคักและเติบโตได้ตามเป้า เพราะทุกฝ่ายจะเกิดความเชื่อมั่นว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิม.