‘รสนา’ พารำลึกการจากไปครบ 12 ปี ‘นพ.สงวน นิตยรัมภ์พงศ์’ ผู้ให้กำเนิด ‘หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า’

นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพฯ โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2563 โดยมีรายละเอียดดังนี้

“รำลึกการจากไปครบรอบ 12 ปีของนพ.สงวน นิตยรัมภ์พงศ์ ผู้ให้กำเนิดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า”

นพ.สงวน เป็นประธานคนแรกของมูลนิธิสุขภาพไทยระหว่างปี 2538-2542 ที่ดิฉันเป็นเลขาธิการและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ นพ.สงวนขอลาออกจากการเป็นประธานเมื่อดิฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคดีทุจริตยาในกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี2541 ที่ทำให้นักการเมืองเข้าใจผิดว่านพ.สงวนอยู่เบื้องหลังการตรวจสอบเรื่องนี้

อดีตรมว.สาธารณสุขคนหนึ่งเคยบอกนพ.สงวนให้สั่งให้ดิฉันยุติการตรวจสอบ ซึ่งนพ.สงวนตอบว่า ทำไม่ได้เพราะการเป็นประธานมูลนิธิซึ่งไม่ใช่ระบบราชการ ซึ่งไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของดิฉัน จึงไม่สามารถสั่งให้ดิฉันหยุดการตรวจสอบตามที่รัฐมนตรีสั่งได้ และทุกครั้งที่การตรวจสอบเข้มข้น นพ.สงวนจะถูกกระแหนกระแหนอยู่เสมอ ทำให้ท่านตัดสินใจลาออกจากการเป็นประธานมูลนิธิฯในปี2542

นพ.สงวนเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ มีความสามารถสูง การฝืนคำสั่งนักการเมืองที่มักเข้าไปล้วงลูกงบประมาณ แต่ไม่สามารถทำได้ ทำให้มีอดีตรมช.สาธารณสุขท่านหนึ่งพูดกับนพ.สงวนว่า “คุณหมอทำแบบนี้ ก็ยากที่จะก้าวหน้าในราชการ”

นพ.สงวนทำระเบียบการเบิกจ่ายงบอุดหนุนสำหรับผู้ป่วยที่ยากไร้ ระเบียบดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินเเบบรายหัว (ยุคก่อนสปสช) โดยท่านทำเป็นระเบียบที่อยู่ในกระทรวงการคลัง ไม่ใช่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไม่ให้ผู้บริหารในกระทรวงสาธารณสุขสามารถเปลี่ยนแปลงงบประมาณอุดหนุนสำหรับผู้ป่วยที่ยากจนไปทำอย่างอื่นได้ และเป็นระเบียบที่ก้าวหน้าโดยเปิดให้สื่อและบุคคลภายนอกเป็นกรรมการได้ด้วย

การทำระเบียบเบิกจ่ายนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของคดีทุจริตยา เพราะนักการเมืองและผู้บริหารในกระทรวงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงงบอุดหนุนที่ต้องจ่ายตามรายหัว คดีทุจริตยาจึงต้องเปลี่ยนงบอุดหนุนจากหมวด800 ไปเป็นงบใช้สอยในหมวด300 ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจผู้บริหารจะจัดสรรให้จังหวัดที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งนำมาสู่การตรวจสอบทุจริตยา จนนักการเมืองถูกยึดทรัพย์และติดคุก รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกลงโทษทางวินัย

การมีข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตแม้เพียง 1คน ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการสะกัดกั้นการทุจริตของนักการเมืองได้ หากมีข้าราชการซื่อสัตย์สุจริตมากขึ้นโดยเฉพาะในระดับสูง ย่อมสามารถรักษาผลประโยชน์ของประชาชนได้มากขึ้น

นพ.สงวนมิใช่เพียงข้าราชการที่ซื้อสัตย์สุจริต แต่เป็นผู้นำที่มีสติปัญญาเฉียบคม และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนคนไทย ข้อเสนอระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าของท่านทำให้ประชาชนไม่ต้องล้มละลายเมื่อเจ็บป่วย และยังเป็นนโยบายสาธารณะที่ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นระบบสวัสดิการถ้วนหน้าที่ทำให้นักการเมืองที่รับมาเป็นนโยบาย สามารถอยู่ในใจของประชาชนอย่างยั่งยืนมาเกือบ 20ปี.