‘จตุพร’ ส่งกำลังใจให้ ‘อนาคตใหม่-สรยุทธ’ เตรียมตัวเตรียมใจตั้งสติรับกับโชคร้าย


เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงคดียุบพรรคอนาคตใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย21 ม.ค.2563 ว่า  หวังจะเห็นพรรคอนาคตใหม่เตรียมตัวเพื่อรับมือเพราะถ้าถูกยุบกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง5 ปีดังนั้นส.ส. 11 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่จะตัดสินใจทางการเมืองกันอย่างไร

“ผมว่าช่วงนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจกันถ้าวัดดวงไม่ลาออกจะต้องยอมรับว่าเมื่อถูกยุบจะต้องเสียส.ส.ไป11 ที่นั่งจากจำนวน76 เหลือ65 ที่นั่งขณะเดียวกันจำนวน11 ส.ส.นั้นต้องเฉลี่ยกับพรรคต่างๆกันใหม่ถ้าตัดสินใจลาออกก็จะได้ขยับลำดับชื่อใหม่ขึ้นมาเป็นส.ส.แทน”

นายจตุพรระบุว่าช่วงเวลาก่อนศาลจะพิพากษาคดียุบพรรคนั้นไม่ใช่ช่วงต้องตีโพยตีพายกันแต่ต้องเป็นช่วงใช้สติตั้งหลักให้จำนวนส.ส.เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดซึ่งตนเชื่อว่าคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของพรรคอนาคตใหม่เนื่องจากในอดีตมีแบบอย่างการยุบพรรคเป็นบทเรียนให้เห็นกันมาแล้ว

คดียุบพรรคอนค.นั้นนายณฐพรโตประยูรอดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นร้องในข้อหาล้มล้างการปกครองฯซึ่งไม่มีใครคาดคิดถึงผลจะทำให้เกิดการยุบพรรคได้แต่เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรณีการครอบครองหุ้มสื่อมวลชนซึ่งเสมือนเป็นดาบแรกทางการเมืองดังนั้นการกระหน่ำซ้ำด้วยดาบสองคือการยุบพรรคย่อมมีความน่าจะเป็นสูงมาก

“ก่อนถึงวันที่21 ม.ค.นี้ดูเหมือนท่าทีพรรคอนาคตใหม่ได้เตรียมตัวไว้อย่างครบถ้วนเพียงแต่ยังไม่แถลงเป็นทางการว่ากรรมการบริหารจะเอากันอย่างไรถึงที่สุดแล้วผลลัพธ์ของคดีที่จะออกมาในวันที่21 ม.ค.นี้ก็ยังไม่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศนั่นบ่งถึงแนวรบไม่เปลี่ยนแปลง”

นายจตุพรกล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศมีความเหลื่อมล้ำมีเพียงคนไม่ถึง1 เปอร์เซ็นต์ได้เสพสุขกันส่วนคนเกิน99 เปอน์เซ็นต์กลับผจญปัญหาเศรษฐกิจอย่างแสนสาหัส

ผนวกกับฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้ามุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นก็ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดในการอภิปรายเพื่อให้เกิดผลถึงประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่ถ้าเป้าหมายไม่ชัดเจนการเปลี่ยนแปลงก็ไม่เกิดขึ้นเช่นกันดังนั้นฝ่ายค้านต้องทำข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อสื่อสารกับประชาชน 

“ถึงที่สุดแล้วเมื่อแนวรบไม่เปลี่ยนแปลงแล้วคดียุบพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่มีผลอะไรในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและผมเป็นเหมือนคนไทยทุกคนเมื่อใครมีทุกข์ก็ต้องการให้เขาพ้นทุกข์ขอให้โชคดีผมไม่ต้องการให้ใครถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเหมือนผมและไม่ต้องการเห็นพรรคการเมืองถูกยุบอีกด้วยเพราะเห็นมาแล้วในประเทศนี้ที่พรรคถูกยุบ4 พรรค” 

ส่วนคดีของนปช.นั้นนายจตุพรกล่าวว่าหลายคดีอยู่ในช่วงปลายคือใกล้ถึงศาลตัดสินทั้งสิ้นสิ่งที่ทำได้ในช่วงนี้ตนใช้เวลาไปเยี่ยมเพื่อนติดคุกอีกทั้งพยายามวิเคราะห์ทางการเมืองเตือนสติกันเพื่อหวังอย่างน้อยจะไม่ต้องการให้เขามีความทุกข์ที่มากไปกว่าเดิม 

นายจตุพรกล่าวถึงนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา อดีตนักจัดรายการข่าวชื่อดังซึ่งศาลฎีกาจะพิพากษาคดีว่าผลจะออกมาอย่างไรจะเป็นบวกหรือลบก็ตามขอให้กำลังใจในฐานะจากเพื่อนร่วมคุกและร่วมห้องขังกันมา 

“ทั้งพรรคอนาคตใหม่และนายสรยุทธ์ขอให้โชคดีเมื่ออยู่ในโลกความจริงแล้วควรเตรียมใจกับโชคร้ายด้วยแต่โชคร้ายเมื่อมีสติก็ต้องแก้ไขเพราะในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอเพียงจะเลือกโอกาสนั้นได้อย่างไร”

โดยโอกาสของพรรคอนาคตใหม่อยู่ที่การตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคจะลาออกก่อนถึงวันที่ศาลตัดสินแล้วเลื่อนบัญชีชื่อถัดไปมาแทนที่เพื่อรักษาเสียง11 ส.ส.ของพรรคให้คงอยู่ในสภา

ดังนั้นการลาออกหรือไม่ลาออกของกรรมการบริหารพรรคย่อมไม่สะเทือนกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศถึงที่สุดแล้วแนวรบไม่เปลี่ยนแปลงแต่การเตรียมหัวใจควรรับมือกับด้านลบให้มากที่สุดหากสิ่งเป็นลบมาเยือนเราย่อมอยู่ในฐานะประชาชนได้ปกติ