ดร.บุญส่ง ชเลธร ปัจจุบันเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้
ผมชมว่างานนี้ฝ่ายการเมืองของ พปชร.มีฝีมือจริงๆ
การที่คุณปารีณาเอาแซทโต้ตอบส่วนตัวกับคุณธรรมนัสมาโพสต์ต่อในกลุ่มไลน์ ส.ส.พปชร.นั้น ใครก็รู้ว่าไม่มีทางที่ข้อความเหล่านั้นจะเป็นความลับ มันต้องถูกนำมาเผยแพร่ข้างนอกให้เป็นข่าวแน่นอน
และเมื่อเป็นข่าว
คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆคนแรกคือคุณธรรมนัส
ยิ่งคุณปารีณาใช้คำว่า “พี่มีแต่กระทืบเอ๋”
คุณธรรมนัสยิ่งดูดีขึ้นมาทีเดียวเมื่อคนเชื่อตามว่า “พี่ต้องทำทุกอย่างตามกฎหมาย”
คุณธรรมนัสสามารถสลัดตัวเองออกไปจากการถูกสังคมมองว่าเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยให้คุณปารีณาพ้นไปจากการต้องรับโทษทั้งมวลตามกฎหมาย เพราะถ้าแก้เปลาะนี้ไม่ได้ คุณธรรมนัสจะจมน้ำไปกับคุณปารีณา เพราะตัวเองก็ปริ่มน้ำเต็มทีอยู่แล้ว ทั้งข้อหายาเสพติดและปริญญาเอกเก๊ การดีดตัวออกไปก่อนย่อมดีที่สุด ไม่งั้นเรื่องของตัวก็จะถูกขุดคุ้ยไม่หยุด
ข่าวในสื่อออกมาโทนเดียวกัน คือ
คุณปารีณากับคุณธรรมนัส แตกกัน คุณปารีณาเหมือนโดดเดี่ยว
ทั้งนี้ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงตามนั้น
พปชร.ช่วยคุณปารีณาแน่นอน
ผู้มีอำนาจในระดับต่างๆ ยังช่วยเต็มแรงไม่ให้คุณปารีณาต้องรับโทษ เพราะคุณปารีณาไม่ใช่คนธรรมดา คุณปารีณาเป็น ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ย่อมมีค่าแห่งความเป็น “คน” มากกว่าประชาชนยากจนตามท้องไร่ท้องนา
จะบอกว่าความเป็น “คน” ของคุณปารีณา สูงกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศก็ได้ คุณปารีณาจึงจะรับผิดและต้องโทษเหมือนคนอื่นๆนับหมื่นคนไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้แซทไลน์ที่เจตนาปล่อยออกมา
ได้ผลในการช่วยคุณธรรมนัสแล้ว ไม่เหลือชื่อผู้ใหญ่คนใดให้จับต้องได้อีก
คงเป็นหน้าที่ของเด็กๆ ที่จะบิดไปบิดมา ป่าไม้ ส.ป.ก. ตำรวจก็จะทั้งหลบ ทั้งเฉย และทั้งหันหน้าหนี
ไม่มีใครคิดทำคดีนี้ต่อ ที่บอกว่าจะฟ้อง จะโน้นนี้ เป็นเพียงคำมดเท็จเพื่อถ่วงเวลาทั้งสิ้น
ดีไม่ดี อย่าว่าแต่จะดำเนินคดีเลย แม้ที่ดินบุกรุกป่ากว่า 1700 ไร่ เหลือ 600 ไร่นั้น
ก็จะไม่มีการยึดคืนด้วย
เชื่อผมไหม
พอเรื่องเงียบได้ที่แล้ว ฟาร์มไก่ก็กลับมาเหมือนเดิมบนพื้นที่ดินป่าสงวนนี่แหละ
เอวังนะครับ.