นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการหยิบข่าวมาคุย ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวี เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2563 ว่า ผลคดีล้มล้างการปกครองนั้น ศาล รธน.ตัดสินยกคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ผู้ยื่นคำร้อง ดังนั้น คงทำให้พรรคอนาคตใหม่หายใจโล่งไปได้อีกเฮือก เพราะข้างหน้ายังมีคดีรอลุ้นอยู่อีกคือ คดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องในศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และคดีพรรคเงินกู้ 191 ล้านบาท
“ในเบื้องต้นนั้น ผมขอแสดงความรู้สึกยินดีกับพรรคอนาคตใหม่ที่รักษาพรรคได้ไปต่อ แม้เป็นเรื่องที่ดีของพรรคการเมือง แต่หนทางข้างหน้ายังเต็มด้วยอุปสรรคขวากหนามรอพรรคอนาคตใหม่อยู่”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ ศาล รธน.ตัดสินยกคำร้องเท่ากับถอดสลักความขัดแย้งจากเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่า คดีข้างหน้าจะโชคดีเหมือนคดีล้มล้างการปกครอง ดังนั้น ชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายเหมือนเดิม ซึ่งคิดว่ารอดแล้วคงคิดไม่ได้ แต่เป็นเพียงมีอิสรภาพทางการเมืองไปได้อีกระยะหนึ่ง
“ผมเห็นว่าพรรคการเมืองไม่สมควรถูกยุบพรรค เนื่องจากเคยอยู่พรรคถูกยุบมาแล้ว 2 พรรค เห็นชัดเจนว่า ประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคไม่รู้เรื่อง แต่ต้องสิ้นสภาพไปด้วย”
นายจตุพร ย้ำว่า ศาล รธน.ยกคำร้องเมื่อ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการอธิบายผลการตัดสินในคดีแรกว่า ตัดสินอย่างยุติธรรม และถ้าจะลงดาบให้เรื่องที่สาม ใครจะต่อว่า ศาล รธน.ไม่ได้ ดังนั้น เวลาที่เหลืออยู่พรรคอนาคตใหม่ต้องคิดอ่านทางออกไว้ อย่าเชื่อว่า รอดวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะรอด
อีกทั้ง ศาล รธน.ไม่ยุบพรรคในกรณีล้มล้างการปกครองนั้น เป็นการคิดถูกแล้ว เพราะถ้าขืนลงดาบเรื่องนี้จะยิ่งเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งรุนแรงและลุกลามอย่างไม่ควรจะเป็น ถ้าผลคดีเมื่อ 21 ม.ค.ได้สร้างความดีใจ แต่เป็นเพียงยิ้มมุมปาก เพราะหลังความดีใจทุกครั้ง คือความเสียใจที่จะตามมาอีก
ส่วนคดีพรรคเงินกู้มีลับลวงพราง แม้ถูกดึงหลายพรรคมาร่วมกระบวนการด้วย แต่ซ่อนอะไรไว้มากมาย บางทีเห็นความหวังดีกลับพ่วงด้วยความประสงค์ร้ายไว้ ดังนั้น การต่อสู้คดีพรรคเงินกู้ต้องให้ความสำคัญ
“เรื่องเงินกู้จะเป็นเรื่องถูกกำหนดไว้เฉพาะพรรค แม้การดึงพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดูเหมือนจะดี เป็นคุณ จะช่วยพรรคอนาคตใหม่ไว้ แต่ลึกลงไปเหมือนเป็นโทษ เพราะมีช่องทางลับซ่อนไว้ให้พรรคอื่นๆหลุดพ้นได้”