เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2563 เวลาประมาณ 23.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้
[ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ: การทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ทำให้เสียโอกาสการอภิปรายประวิตรอนุพงษ์วิษณุในสภาผู้แทนราษฎร]
ตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพวกเราตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากให้แต่ละพรรคไปคิดกันเอง ว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใดประเด็นใด
พวกเรายืนยันว่าอนาคตใหม่จะอภิปราย 5 คนได้แก่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงษ์สุวรรณ วิษณุ เครืองาม อนุพงษ์ เผ่าจินดาและธรรมนัส พรหมเผ่า
ต่อมามีข่าวลือเรื่อง “คุณขอมา” ไม่ให้อภิปราย ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่พวกเราไม่เชื่อว่าเป็นความจริงและเริ่มมีข้อเสนอว่าให้อภิปรายประยุทธ์ คนเดียวก็พอคนอื่นไม่ต้อง
แต่พวกเรายืนยันว่าต้องอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆด้วยเพราะเตรียมงานไว้หมดแล้ว
รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถูกอภิปรายถูกสับเปลี่ยนไปมาตลอดกว่าจะนิ่งต้องรอจนช่วงท้ายๆ
แม้กระนั้นชื่อของประวิตร ก็เป็นชื่อสุดท้ายที่ถกเถียงกัน จนเมื่อผมเข้าร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านเป็นคนสุดท้ายและยืนยันว่า#อนาคตใหม่จะอภิปรายประวิตร
ในที่สุดพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงได้ยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรี 6 คน
อนาคตใหม่พยายามเสนอให้แบ่งเวลาตามโควต้าพรรคแต่ก็ไม่มีความชัดเจน
อนาคตใหม่ขอให้จัดลำดับประวิตรไว้ต่อจากประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้จะให้อภิปรายประวิตรเป็นคนสุดท้าย
ผมเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าแปลกๆจึงบอกให้เพื่อน ส.ส. ยืนยันว่าต้องอภิปรายประวิตรเป็นคนที่สอง
เรากำหนดส.ส. ผู้อภิปรายและจำนวนเวลาไว้ได้มา 11 ชั่วโมง
เปิดอภิปรายวันแรกรัฐมนตรีใช้เวลาตอบเยอะจึงมีการเจรจาร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านซึ่งปรากฎว่าไม่มีการชวน ส.ส. ตัวแทนวิปของเราเข้าไปร่วมด้วย
ผลที่ได้คือหลังจากผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วันครึ่งพึ่งมาตกลงแบ่งเวลากัน (นี่คือข้อเสนอของอนาคตใหม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ตกลงกันแบบนี้ก่อนแต่ไม่ทำกลับมาทำเอาทีหลัง) สรุปว่ารัฐบาลได้10 ชั่วโมงค้านได้21 ชั่วโมง
ทีมเจรจาของวิปฝ่ายค้านไม่ดูเลยว่าส.ส. ฝ่ายค้าน ที่เหลือมีอีกกี่คนอภิปรายกันกี่ชั่วโมง
อนาคตใหม่ใช้เวลาไปเพียง 140 นาทียังเหลืออีกเกือบ 9 ชั่วโมงแต่วิปฝ่ายค้าน (ซึ่งไม่มีอนาคตใหม่อยู่ในนั้น) กลับไปรับข้อตกลงมาว่าฝ่ายค้านเหลือเวลา 21 ชั่วโมงซึ่งเท่ากับต้องแบ่งให้อนาคตใหม่9 ชม.
เราเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าจะมี ส.ส. อภิปรายประยุทธ์มากจนไม่เหลือเวลาให้อภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น
พวกเราจึงตกลงกันว่าให้อภิปรายประยุทธ์ 3 วันและวันสุดท้ายอภิปรายรัฐมนตรีอีก 5 คนที่เหลือ
ทุกพรรครับข้อเสนอนี้หมดแต่ข้อตกลงนี้กลับถูกทำลายลง เพียงเพราะว่าส.ส. คนหนึ่งของเพื่อไทยไม่ยอมมาอภิปรายประยุทธ์ ในช่วงค่ำวันที่ 3 ดึงดันจะอภิปรายเช้าวันที่ 4 ให้ได้
ผมและเพื่อนส.ส. จึงไปคุยกับ อาสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำเพื่อไทยอีกหลายคนเพื่อขอให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิมด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องยอม “ตามใจ” ส.ส. คนเดียว
อีกอย่างคือเรารู้ดีว่าถ้าให้ส.ส. คนนี้อภิปรายประยุทธ์ในเช้าวันที่ 4 เขาจะใช้เวลานานและอภิปรายพาดพิงไปยังรัฐมนตรีอีกหลายคนและรัฐมนตรีก็ต้องตอบยาวจนกินเวลาไปถึงช่วงบ่ายและทำให้อนาคตใหม่ไม่มีเวลาอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ
สุดท้ายเพื่อไทยก็ไม่ยอมมาขอให้เราผ่อนผันด้วยการอภิปรายธรรมนัส ในคืนวันที่ 3 แต่ตามกติกาไม่สามารถทำได้เพราะยังอภิปรายประยุทธ์ไม่หมด
การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจหรือFinal Say อยู่ที่ไหนกันแน่ตกลงแล้วเปลี่ยนตกลงแล้วเปลี่ยนคนหนึ่งพูดอย่างอีกคนพูดอย่าง
พวกเราก็ต้องมาปรับหน้างานโดยใช้แท็คติกอภิปรายพ่วง“ประยุทธ์-ธรรมนัส” ตามข้อเสนอของเพื่อไทย
ปรากฏว่าเพื่อไทยก็อภิปรายเกินเวลาและเอาคนมาแทรงคิวส.ส. อนาคตใหม่อีกจนเราได้เริ่มอภิปรายธรรมนัสตอน 23.00 น. ไปจบตอนตีสาม
พอมาวันสุดท้ายวันที่ 4 ส.ส. ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่าจะอภิปรายประยุทธ์ตอนเช้าปรากฎว่าก็ไม่เข้ามาประชุมเสียทีจนในสภาต้องใช้ “แท็คติก” หารือถ่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมงจนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง
จากนั้นรัฐมนตรีตอบกันอีกหลายคนหลายชั่วโมง
จากการประเมินผมรู้แล้วว่า“พวกเขา” ไม่ต้องการให้เราอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ โดยเฉพาะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
พวกเราเหลือผู้อภิปรายอีก 4 คนรวม 210 นาทีและ ส.ส. ของเราที่ได้อภิปรายไปก่อนหน้านั้นไม่มีใครใช้เวลาเกินแม้แต่คนเดียวบางคนยังเหลือเวลาด้วย เพราะพวกเราซ้อมกันมาอย่างดี
ผมจึงบอกเพื่อนส.ส. ว่าหัวเด็ดตีนขาดส.ส. ที่เหลือของเราต้องได้อภิปราย
มิเช่นนั้นคนที่เคารพกติกายอมอลุ้มอล่วยให้คนอื่นก็จะโดนเอาเปรียบ
มิเช่นนั้นส.ส. ที่ตั้งใจค้นคว้าเตรียมข้อมูลซ้อมอย่างหนักกลับถูกส.ส. ที่ไม่เคารพเวลากติกามารยาทข้ามหัวไปหมด
“พวกเขา” เผาเวลาของพวกเราไปเรื่อยๆจนส.ส. ของเราเหลือ30 นาทีจากที่เราได้210 นาที
“พวกเขา” เผาเวลาของเราไปเรื่อยๆจากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก3 คนคือประวิตรวิษณุอนุพงษ์กลายเป็นได้อีกแค่1 คนเท่านั้น
รัฐบาลเล็งเห็นโอกาสนี้จึงใช้โอกาสนี้เต็มที่ไม่ยอมผ่อนผันแม่แต่น้อย เพราะรัฐบาลต้องการปกป้องรักษาพลเอกประวิตรเต็มที่
พวกเราจึงต้องวอล์คเอาท์มาอภิปรายนอกสภา
ส.ส. อนาคตใหม่และทีมงานเบื้องหลังตั้งใจทำงานเตรียมอภิปรายมาอย่างดีแต่กลับต้องมาถูกการบริหารงานแบบไม่มีประสิทธิภาพการไม่เคารพกติกาแบบนี้ตัดโอกาสเรา
ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้านแต่เรากลับถูก“โกง” เวลา
พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน
แต่เราก็ยังเดินหน้าสู้ส.ส. ทุกคนตั้งใจมากพอถึงวันจริงส.ส. “ไร้พรรค” อย่างพวกเราก็ยังเดินหน้าชนอย่างไม่เกรงกลัว
และผลงานที่เราทำครั้งนี้ประชาชนและสื่อมวลชนคงตัดสินได้ว่าเป็นอย่างไร
น่าเสียดายเราถูกตัดโอกาสเพียงเพราะ….
เราต้องช่วยกันอย่าทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎรไปมากกว่านี้
หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการเพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู
พวกเราพยายามใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่เพื่ออย่างน้อยจะลดความโกรธของประชาชนลดความไม่พอใจของประชาชนและมาแสดงออกกันที่สภาฯผ่านผู้แทนฯของเขา
เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎร และเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อนั้นการเมืองนอกสภาก็จะเข้มข้นขึ้น.