นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่น ระบอบทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2563 โดยมีรายละเอียดดังนี้
วิกฤตศรัทธาสูงสุด
นายกฯประยุทธ์และรัฐบาลจะเผชิญวิกฤตศรัทธาสูงสุดหลัง 28 กุมภาพันธ์ 2563
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงฝ่ายรัฐบาลจะชนะด้วยการยกมือ แต่จะแพ้อย่างราบคาบในสายตาประชาชนทั้งประเทศ
ผลกระทบของวิกฤตศรัทธาจะส่งผลอย่างหนักและบานปลาย
(1) กระทบพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ จะเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักในประชาธิปัตย์ เพราะกระแสเรียกร้องให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคกำลังเกิดขึ้น หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเกิดกระแสกดดันในพรรคประชาธิปัตย์ให้พิจารณาถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยความคิดที่ตกผลึกว่า “ประชาธิปัตย์จะทนสนับสนุนคนเช่นประยุทธ์ต่อไปอีกทำไม ?” เหมือนเหตุการณ์การถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ชาติชาย ในสมัยที่นายชวน เป็นหัวหน้าพรรค สาเหตุเพราะรัฐบาลชาติชายถูกกล่าวหาโจมตีว่าเป็นบุฟเฟ่ต์คาบิเนต เกิดการคอร์รัปชั่นทุกหย่อมหญ้า
(2) เกิดกระแสเรียกร้องไห้ประยุทธ์ลาออกจากนายกฯ กระแสจะดังกระหึ่มทั้งแผ่นดิน ยิ่งประยุทธ์ใช้ความด้าน ยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ไม่ออก” กระแสเรียกร้องยิ่งจะดังขึ้น แรงขึ้น กระแสจะลามจากพรรคการเมืองไปสู่ประชาชนทั่วไป ผู้นำในสังคมจากส่วนต่างๆ จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ลาออกเถอะ”
“ยิ่งดื้อด้าน กระแสเรียกร้องยิ่งแรง”
(3) เกิดกระแสเรียกร้องไห้ประยุทธ์ยุบสภา กระแสนี้จะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน เพื่อปลดล็อคการเมืองที่เกิดขึ้น เช่น ประชาธิปัตย์ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันจะเป็นผู้จุดกระแสยุบสภาขึ้นมาเอง เพราะต้องการแก้ปัญหาการเมืองภายในพรรคของตนเองด้วย
ส่วนฝ่ายค้าน การยุบสภาคือประโยชน์สูงสุด ยุบสภาเมื่อไหร่ ฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งทั่วไปแน่นอน
(4) ประยุทธ์หมดทาง ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ดื้อด้านเป็นนายกฯต่อไป ผลก็จะเกิดขึ้นที่พลังมวลชน
ประชาชนทุกสีทุกฝ่ายจะรวมกันด้วยเป้าหมายเดียวคือ ทำให้ประยุทธ์ออกจากอำนาจให้ได้
เมื่อนั้นการลงถนนก็จะเกิดขึ้น
สถานการณ์ก็จะเป็นไปเอง ยิ่งประยุทธ์ดื้อ หรือปราบปรามประชาชน ประชาชนยิ่งจะรวมพลังสู้
ดังนั้นหนทางข้างหน้าของประยุทธ์จะเหลือเฉพาะพรรคพวกและมวลชนที่งมงายจำนวนน้อยนิด
มีความตายทางการเมืองรออยู่ข้างหน้า