รายได้งาม! อภ.ซื้อ ‘ขมิ้นชัน’ จากเกษตรกรปีละ 45 ตันโกยรายได้รวม 5.4 ล้าน

องค์การเภสัชกรรมทำสัญญาซื้อขายขมิ้นชันคุณภาพ จากกลุ่มเกษตรใน 3 จังหวัด 3 ภาค สร้างรายได้ให้เกษตรกร พร้อมป้อนวัตถุดิบคุณภาพเพื่อการผลิตสารสกัดขมิ้นชันแคปซูล ป้อนตลาดไทยและตลาดโลก ให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงยาสมุนไพรแผนปัจจุบันรายแรกของประเทศอย่างทั่วถึง

26 ก.ค. 61 – นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวหลังร่วมเป็นประธานการลงนามสัญญาจะซื้อขายขมิ้นชันคุณภาพกับกลุ่มเกษตรกร 3 จังหวัด 3 ภาค คือ ลพบุรี ตาก และยะลา รวม 5 กลุ่มเกษตรกร ตามโครงการส่งเสริมการปลูกและการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อผลิตสารสกัดขมิ้นชัน ว่า จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่า สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล สามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันได้ ใช้บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข้าเสื่อม เพิ่มความสามารถในการใช้งานข้อของผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อ ข้อฝืดได้ไม่ต่างจากยาต้านการอักเสบไอบูโพรเฟน อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงกับระบบทางเดินอาหาร แถมยังช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานลดการเกิดอาการเส้นเลือดแข็งตัว

โดยผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูลของ อภ. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพรแผนปัจจุบันรายแรกของประเทศ และรับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2561 ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูลและขยายตลาดสู่ต่างประเทศ อภ.จึงลงนามสัญญาจะซื้อขายขมิ้นชันคุณภาพที่มีสารสำคัญเคอร์คูมินอยด์ สูงกว่าร้อยละ 9 สำหรับนำไปผลิตเป็นสารสกัดขมิ้นชันและผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ทั้งนี้ เบื้องต้น อภ.ต้องการใช้ขมิ้นชันตากแห้งปีละ 90 ตัน ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ เกษตรกร 5 กลุ่มจะขายขมิ้นชันตากแห้งให้แก่ อภ.ได้ปีละประมาณ 45 ตัน ราคาตันละ 1.2 แสนบาท หรือกิโลกรัมละ 120 บาท จะทำให้เกษตรกรทั้ง 5 กลุ่มมีรายได้ต่อปีรวมราว 5.4 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 45 ตัน อภ.จะจัดซื้อตามปกติจากแหล่งปลูกขมิ้นชันคุณภาพทั่วประเทศ

นอกจากนี้ อภ.จะให้ความรู้เกษตรกรทั้ง 3 จังหวัด เรื่องมาตรฐานการปลูกและการแปรรูปสมุนไพรและมอบพันธุ์ขมิ้นชัน ซึ่งพัฒนาโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีสารสำคัญสูง ซึ่งคาดว่าจะได้ในช่วงปี 2562 และจะเฝ้าการติดตามพื้นที่การปลูกและจัดซื้อวัตถุดิบขมิ้นชันที่มีคุณภาพ และจะขยายพื้นที่ส่งเสริมการปลูกขมิ้นชันและแปรรูปสมุนไพร เพื่อมาผลิตเป็นสารสกัดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป