กฎหมายใหม่บังคับใช้แล้วให้ กยศ.ทวงหนี้ผู้กู้ถึงที่สุดก่อนทวงผู้ค้ำ

31 ก.ค. 61 – น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงกรณีครูผู้ชายที่จังหวัดชัยภูมิซึ่งมีข่าวว่าค้ำประกันเงินกู้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)ให้ลูกศิษย์ว่า กองทุนฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ได้ตรวจสอบในฐานข้อมูลแล้วไม่พบข้อมูลครูคนดังกล่าวว่าถูกบังคับคดีและไม่มีข้อมูลถูกฟ้องล้มละลายจากการค้ำประกันเงินกู้ กยศ.แต่ยังตอบไม่ได้ว่ามีการถูกฟ้องล้มละลายในคดีอื่นหรือไม่ ซึ่งกรมบังคับคดีได้สอบถามไปยัง กยศ. ยืนยันข้อมูลตรงกันว่า กยศ. ยังไม่เคยฟ้องล้มละลายลูกหนี้ กยศ.รายใดเลย
น.ส.รื่นวดี กล่าวว่าสำหรับกรณีครูวิภา บานเย็นนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้กรมบังคับคดีอำนวยความยุติธรรมให้ พบว่าที่ผ่านมา กยศ. ดำเนินการตามกฎหมายเก่า โดยหากไม่สามารถตามทรัพย์จากผู้กู้ได้ก็จะตามจากผู้ค้ำประกัน ซึ่งสามารถติดตามตัวและบังคับคดีได้ง่ายกว่า จึงได้ให้ข้อสังเกตไปยัง กยศ.ว่า ขณะนี้กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่ง กยศ. ต้องทำงานละเอียดมากขึ้นในการติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ให้ถึงที่สุดก่อนจะไปบังคับเอากับผู้ค้ำประกัน โดยกฎหมายใหม่ กยศ.สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกหนี้ไม่ว่าจะเข้าไปอยู่ทำงานในภาครัฐหรือเอกชน ทุกหน่วยงานมีหน้าที่ต้องมอบข้อมูลทรัพย์สินและเงินเดือนของลูกหนี้ให้กับ กยศ.ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการติดตามทวงถามลูกหนี้ให้กับ กยศ.
อธิบดีกรมบังคับคดี ยังกล่าวว่า กรมบังคับคดีจะนำร่องส่งเงินเดือนของข้าราชการให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อหักเงินเดือนผ่อนชำระให้กับ กยศ. ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 200 คน สำหรับภาพรวมการบังคับคดีหนี้ กยศ. ในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2561 พบว่า กยศ.ได้ทำเรื่องขออายัดเงินเดือน 8,000 คดี กว่า 900 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายใหม่นายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชนมีหน้าที่ต้องหักเงินเดือนลูกจ้างที่เป็นหนี้ กยศ.โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมหารือกับกรมการปกครองโดยให้สำรวจข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ลงชื่อรับรองและค้ำประกันหนี้ กยศ. เพื่อเตรียมแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นกับครูวิภาด้วย