2 ส.ค.61 – ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ.รอบบึงแก่นนคร อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานในการแถลงข่าวสรุปเศรษฐกิจอีสานไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2561 ท่ามกลางความสนใจของนักธุรกิจ สถาบันการเงิน รวมถึงองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายสมชาย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจภาคอีสาน ไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2561 ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะในหมวดรายจ่ายประจำและรายจ่ายของการลงทุน ขณะที่ด้านการบริโภคภาคเอกชนนั้นมีการขยายตัวเล็กน้อย จากการใช้จ่ายสินค้าคงทนหมวดยานยนต์ที่ยังคงขยายตัว ขณะเดียวกันการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าในชีวิตประจำวันนั้นปรับตัวดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ ขณะที่ปัจจัยของการสนับสนุนที่ทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานขยายตัวต่อเนื่องนั้นมาจากรายได้ครัวเรือนเกษตรและรายได้จากการจ้างงาน ซึ่งในภาพรวมนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“สำหรับการลงทุนของภาคเอกชนนั้นยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมนั้นชะลอตัวลง และเน้นไปที่กลุ่มการลงทุนที่ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมาคือ กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนและกลุ่ม แปรรูปสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะน้ำตาลอย่างไรก็ดีอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรยังขยายตัวดี โดยไตรมาสที่ 2 นี้นั้นสูงถึงร้อยละ 33.7 ตามปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรที่ออกสู่ตลาดอย่างมาก ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้นปรับสูงขึ้นตามราคาพลังงาน อยู่ที่ร้อยละ 1.30 และอัตราของการว่างงานนั้นลดลงจากไตรมาสก่อนอย่างมากคงเหลืออยู่ที่ร้อยละ 0.1″
อย่างไรก็ดีการขยายตัวขึ้นของภาพรวมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในเรื่องของมาตรการภาครัฐช่วยสนับสนุนรายได้ของกลุ่มฐานรากที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน สินเชื่อเพื่อลดต้นทุนปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกร,โครงการไทยนิยมยั่งยืน,โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับเกษตรกรายย่อยและโครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้กับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. และมาตรการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวกับเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี
นายสมชาย กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของปีนี้มีการคาดการณ์ว่าผลผลิตสินค้าเกษตรจะมีเพิ่มขึ้น ตามปริมาณน้ำและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจากส่วนหลางกระจายลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้น ในขณะนี้ที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและคู่ค้านั้นมีการขยายตัว โดยเฉพาะกับการที่รัฐบาลสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออก รวมไปถึงการจ้างงานโดยเฉาะในรกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่กลุ่มนักลงทุนต้องจับตานั้นคือ มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการตอบโต้ของประเทศคู่ค้ารวมถึงการหาตลาดใหม่ของประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยในบางพื้นที่และหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอีกด้วย
