เมื่อวันที่ 29 กันยายน มีการประชุมจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ โดยมีมติให้นายอุตตม สาวนายน นั่งหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย 1.ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ (รองหัวหน้าพรรค) 2.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (รองหัวหน้าพรรค ) 3.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 5.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล (โฆษกพรรค) 6.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 7.น.ส.ธนิกานต์ พรคงสาโรจน์ 8.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 9.นายอนุชา นาคาศัย 10.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 11.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 12.นายณพพงศ์ ธีระวร 13.นางนฤมล สอาดโฉม 14.นายอิทธิพล คุณปลื้ม 15.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ 16.นายวิเชฐ ตันติวานิช 17.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 18.นายชวน ชูจันทร์ 19.นายกรันต์ สุทธารมณ์ และ 20. นายสันติ กีระนันทน์
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวบนเวที ภายหลังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าการตัดสินใจทำงานทางการเมืองในครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งยอมรับว่า อาจจะถูกข้อครหา ว่ามีการทำงานที่ทับซ้อนกับการทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ยืนยันว่า ส่วนตัวพร้อมจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และจะไม่นำเวลาหรือทรัพยากรของรัฐ ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังกล่าวว่า วันนี้ไม่จำเป็นต้องทำการเมืองแบบเดิมๆ แต่ควรเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งย้ำว่าทางพรรคพลังประชารัฐ จะทำอย่างเต็มที่ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ายังคงดำรงตำแหน่งในรัฐบาลต่อไป และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จะสวมหมวกใบเดียวคือหมวกพลังประชารัฐ
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ทางพรรคพร้อมเสนอชื่อนายอุตตม ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะตัดสินใจร่วมงานทางการเมืองด้วยหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่า นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนกรณีที่ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าอยากให้ทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ บอกว่าคำถามนี้ยังเร็วไป รอให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคก่อน
ทั้งนี้นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวว่า การตั้งพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพื่อรองรับพรรครัฐบาล เพราะผู้ร่วมจัดตั้งพรรคส่วนใหญ่ ก็ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และไม่มีใครที่มีตำแหน่งในกองทัพ ซึ่งย้ำว่าจุดยืนของพรรค คือการเป็นทางออกของประเทศ และก้าวข้ามความขัดแย้ง ขณะเดียวกันยังไม่ขอประเมินว่าจะได้ ส.ส. กี่เขต แต่ยืนยันว่า พร้อมจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ในนามของพรรคให้ครบทุกเขต พร้อมขอให้ทุกฝ่ายมองข้ามเรื่องกลุ่มการเมือง เพราะวันนี้เราต้องมองไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นประเทศก็จะไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง
