‘ชัยวัฒน์-พวก’ เข้าพบDSI ลั่นไม่หนีแน่ โวยสื่อป้ายสีคดีบิลลี่!

เมื่อช่วงสายวันที่ 12 .ย 2562  ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ  นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวกประกอบด้วยนายบุญแทน บุษราคำนายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเดินทางมายังดีเอสไอ เพื่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนตามหมายจับโดยเจ้าหน้าที่นำหมายจับมาแจ้งกับผู้ต้องหาทั้ง 4 แล้วนำตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวนทันที

โดยทั้ง 4 คนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย

นายชัยวัฒน์ กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่าตนและลูกน้องพร้อมจะสู้ไม่คิดหนีไปไหนเพราะครอบครัวทุกคนอยู่ที่นี่ตนเป็นข้าราชการรักเกียรติรักศักดิ์ศรีจะให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ

ผมกับลูกน้องทุ่มเทรักษาป่ามาตลอดชีวิตรักสถาบันแต่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้  เพราะข่าวที่สื่อสร้างเรื่องราวทำให้ผมได้รับความเสียหายทุกคนยังไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จข่าวที่นำเสนอออกไป ทำให้ผมครอบครัวและสถาบันกลายเป็นผู้ร้ายในโลกโซเซียล ผมในฐานะผู้พิทักษ์ป่าไม้ไม่ว่าจะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใหญ่แค่ไหน ถ้าผมยังยืนอยู่ ผมสอยร่วงทุกคนแน่นอนนายชัยวัฒน์ กล่าว

คดีนี้เมื่อวาน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อนุมัติได้ออกหมายจับทั้ง4 คนในความผิดฐานประกอบด้วย

(1) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้

(2) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ

(3) ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย

(4) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นและมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

(5) ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป

(6) ร่วมกันโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83, 289 (4) (7), 309, 310, 337, 340, 340 ตรีประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา150 ทวิรวมทั้งความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147, 148, 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.. 2561 มาตรา123/1 และมาตรา172 อันเป็นความผิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(...) ได้ไต่สวนพบมูลความผิดแล้วด้วย