มันหยดติ๋ง!กกต.ออกแถลงโต้ ‘ธนาธร’ ยันไม่ได้เร่งรัดคดีถือหุ้นสื่อ ว่ากันตามกระบวนการ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย 2562 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เผยแพร่เอกสารข่าวเรื่อง “การดำเนินการกรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง” โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มอบหมายให้ทนายความ ไปยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 ท่านต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อ ของบริษัทวีลัดมีเดียจำกัด โดยที่คณะกรรมการการลือกตั้งไม่รอให้การไต่สวนเรียกพยานเข้าสอบปากคำ ของคณะอนุกรรมการ กลับรวบรัดรีบส่งคดีไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่การไต่สวนของคณะอนุกรรมการจะเสร็จสิ้น เป็นเหตุให้ชวนสงสัยได้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งเร่งรัดคดี โดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ นั้น

เรื่องดังกล่าวข้างต้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เคยชี้แจงแล้ว ตามข่าวแจกสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ ๖๗/๒๕๖๒ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เรื่องกรณีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีเหตุสิ้นสุดลง ในการนี้เพื่อให้เกิดความชัดจน ขอชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงและการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนี้

๑. การดำเนินการกรณีสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง

เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๒ วรรคสี่ เรื่องการพ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกรัฐสภาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการฉพาะไม่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด และไม่ได้อยู่ในนิยามของ “กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง” ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนั้น การดำเนินการจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าวข้างต้นเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ทันที

กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นกรณีความปรากฏต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น(แบบบอจ.๔) มีชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา๙๔(๗) คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

๒. การดำเนินการกรณีคดีอาญา

เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.๒๕๖๑มาตรา๑๕๑(ผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องหัมมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรคการมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ) ซึ่งมีกระบวนการ “ไต่สวน” ตามระเบียบคณะกรรมการการลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวนการไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาดพ.ศ. ๒๕๖๑ โดยคณะกรมการสืบสวนและไต่สวนต้องแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอสำนวนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดในการนี้ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุปรวมทั้งให้โอกาสมาให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานด้วย

กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีผู้กล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพศ.๒๕๖๑มาตรา๑๕๑ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา๑๐๑(๖) ประกอบมาตรา๙๘(๓) รู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งคณะกรรมกรการเลือกตั้งได้ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาดพ.ศ.๒๕๖ขณะนี้เป็นสำนวนอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะกรมการการเลือกตั้งยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกสภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือกรณีการดำเนินคดีอาญาที่มีผู้ร้องว่ารู้อยู่ว่าตน ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครับเลือกตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด และข้อเท็จจริงแล้ว แต่กรณี โดยมิได้มีกรเร่งรัดหรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด.