ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 1 เม.ย. 2563 ว่า สำหรับประเทศไทยพบว่าผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 120 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 1,771 ราย โดยเป็นสัญชาติไทย 1,500 ราย และสัญชาติอื่นๆ 271 ราย โดยหายดีและกลับบ้านแล้ว 342 ราย และ เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมผู้เสียชีวิต 12 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยรายแรกเพศชายอายุ 79 ปี อาศัยสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโรคประจำตัวตัวเบาหวาน ไตวายเรื้อรัง มีประวัติร่วมงานแต่งงานมาะเลาเซีย เจ็บป่วย และวันที่ 23 มี.ค.รักษารพ.ของรัฐ เป็นผู้ป่วยนอก แต่อาการไม่ดีเข้ารับรักษาวันที่ 27 มี.ค. มีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อปวดศีรษะ มีภาวะปอดอักเสบ และส่งต่อมายังรพ.จังหวัดในวันที่ 28 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. และรายที่ 2 อายุ 58 ปี อาชีพนักธุรกิจ กลับจากอังกฤษ เริ่มป่วยไข้ เสมหะ กลับถึงไทยวันที่ 15 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งรายที่ 2 กำลังสอบสวนโรคว่ามีเหตุอื่นๆร่วมด้วยหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะเชื่อมประสานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อให้ได้ข้อมูลมากขึ้นและนำเสนอต่อสื่อมวลชนต่อไป
“จำนวนผู้ป่วยสะสม 1,771 ราย กระจาย 60 จังหวัด โดยสูงสุดคือ กรุงเทพฯสูงถึง 850 ราย รองลงมา นนทบุรี 104 ราย สมุทรปราการ 72 ราย ภูเก็ต 71 ราย ฯลฯ โดยคนกรุงเทพฯ มีสิทธิติดเชื้อถึง 3 เท่ามากกว่าที่อื่นๆ ดังนั้น เราทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อย่างรายใหม่ 120 รายที่เพิ่มขึ้นก็ยังคงสูงสุดที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันแม้มีมาตรการลดการออกนอกบ้าน หรืออยู่บ้านช่วยชาติลดโรคนั้น แต่กลับยังพบการติดเชื้อภายในบ้าน เนื่องจากไม่ให้ความสำคัญในการเพิ่มระยะห่างของบุคคล 2 เมตร ทำให้ยังติดเชื้ออยู่ ดังนั้น ต้องย้ำเรื่องนี้หลายๆรอบว่า การเพิ่มระยะห่างต้องทำในบ้านด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
