เมื่อ 15 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ผู้ช่วยประจำตัว เป็นตัวแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และ youtuber ช่องดังช่องหนึ่ง ในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยมี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เป็นผู้รับหนังสือ
โดยนายธนดล ระบุว่า ตนได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่ต่อว่าท่านในโซเชียล 2 ราย คือ นักคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และ youtube ช่องหนึ่ง โดยทั้ง 2 ราย มีพฤติการณ์วิพากษ์วิจารณ์และต่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ๆ โดยใช้ถ้อยคำที่หยาบคายเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด อันทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ดพเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
นายธนดล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปกติหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามหลักเหตุผลและเป็นธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ น้อมรับและรับฟังตามวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ตามกฎหมาย แต่การใช้ถ้อยคำที่หยาบคายหรือคำไม่สุภาพที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และขัดต่อหลักกฎหมาย ทางพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงมอบหมายให้แจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิและฝากย้ำเตือนให้ประชาชนพึงระลึกเสมอถึงหลักการเหตุผลกับการใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมสำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ภายใต้ของเขตของกฎหมาย และเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลในโซเชียลอีก 20 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น youtuber ที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วยถ้อยคำหยาบคายในข้อหาเดียวกัน
รวมทั้งเตรียมแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับบุ้ง ทะลุวัง ที่โจมตีด่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมท้าทายให้มาเจอกับท่าน โดยท่านได้ฝากถึงบุ้ง ทะลุ วังว่า ได้เจอ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แน่แต่เจอในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้ หากเข้ามาขอโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ท่านจะยกโทษถอนแจ้งความหรือไม่ นายธนดลกล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของท่าน
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า หลังจากนี้จะมอบหมายให้พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ไปดำเนินการตรวจสอบเอกสารและดำเนินการขั้นตอนต่อไป
