
6 กันยายน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ผมคิดว่า หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตรได้รับการลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แล้ว เพื่อสร้างความเป็นธรรมและยุติความขัดแย้งทั้งหมดอย่างแท้จริง
เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่รัฐบาลเศรษฐาควรทำในการประชุม ค.ร.ม. นัดแรกคือ การออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหมด”
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นเดียวกันว่า รัฐบาลเศรษฐาและทุกพรรคในสภาควรเร่งผลักดันการนิรโทษกรรมคดีการแสดงออกทางการเมือง
นับตั้งแต่คุณทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคม และได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ในวันที่ 1 กันยายน และเตรียมเข้าสู่กระบวนการพักโทษหรือได้รับอภัยโทษตามวโรกาสสำคัญต่อไปนั้น จนถึงตอนนี้ มีคนจำนวนมากตั้งคำถามและไม่เห็นด้วยกับกรณีคุณทักษิณ โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน และการตกลงเจรจาต่างๆ เพียงแต่ว่ามีการแสดงออกมากน้อยต่างกันไป
เพื่อลดทอนการตั้งคำถามเรื่องความไม่เสมอภาค และเพื่อความปรองดองอย่างแท้จริงและเท่าเทียม รัฐบาลเศรษฐา และพรรคการเมืองในสภา ควรเร่งผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนทุกฝักฝ่าย ทั้งพันธมิตรฯ นปช. กปปส. และกลุ่มเยาวชน และ “ราษฎร” ตั้งแต่ปี 48 จนถึงปัจจุบัน
นี่ต่างหากที่จะเป็นก้าวแรกของการก้าวข้ามขัดแย้งที่แท้จริง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ และเกิดประโยชน์ตกแก่ประชาชนคนธรรมดา นอกจากนี้ ยังทำให้ประชาชนลดข้อครหาที่มีต่อรัฐบาลเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยในประเด็นเกี่ยวกับบ่อเกิดของการตั้งรัฐบาลชุดนี้ได้อีกด้วย