นายกฯห่วงสถานการณ์น้ำท่วม สั่งท้องถิ่นแจ้งเตือนอพยพเมื่อเกิดภัยพิบัติ

31 ก.ค. 61 – ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า สำหรับกรณีดินโคลนถล่มที่จังหวัดน่าน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 รายนั้น เบื้องต้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ตนได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมีความปลอดภัย โดยจะต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชน เพราะการแจ้งเตือนข่าวอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้นหน่วยงานในพื้นที่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะต้องทำความเข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้ ครม.เห็นว่าจะต้องมีการขยับขยายครอบครัวในพื้นที่เสี่ยงประมาณ 60 ครอบครัวไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยจะมีการพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อจัดหาพื้นที่ทำกินให้กับครอบครัวในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เนื่องจากโลกมาการเปลี่ยนแปลง จึงได้เกิดภัยพิบัติขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งนี้จังหวัดน่านที่เกิดเหตุดินโคลนถล่มนั้น เป็นพื้นที่ป่าเขา มีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเป็นภูเขาดินผสมหิน จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดดินโคลนถล่ม ทุกคนจึงต้องระมัดระวังเมื่อได้รับการแจ้งเตือน ไม่ว่าจะเป็นการสัญจรไปมาในเส้นทางที่มีความเสี่ยง พร้อมกับตรวจสอบการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งรัฐบาลต้องเจรจาขอให้ชาวบ้านไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยในช่วงฝนตก โดยจะต้องหามาตรการที่ยั่งยืนแก่ประชาชน เช่น หาที่ดินทำกินให้ใหม่ ทั่วประเทศมีหลายพื้นที่ที่จะต้องได้รับการแก้ไข เช่น พื้นที่ที่ปลูกต้นยางพาราบนภูเขา เพราะต้นยางไม่มีรากแก้วที่จะค่อยพยุงการสไลด์ของดิน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย โดยจะต้องเตรียมการล่วงหน้า เช่น เฝ้าระวังแจ้งเตือน เตรียมแผนการอพยพชั่วคราว เพื่อจะได้ย้ายทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งท้องถิ่น ผู้ว่าฯ และนายอำเภอจะต้องเข้าไปดู เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำซ้อน

“วันนี้ได้กำชับให้มีการแจ้งเตือนเหตุไว้ล่วงหน้าเมื่อมีฝนตกหนัก ปริมาณเกินกว่าที่กำหนดไว้ พร้อมกับอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าแจ้งเสร็จทุกคนก็นอนรออยู่ในบ้าน เพราะหากมาทีทั้งน้ำ โคลน ดิน ก็จะเสียชีวิต ทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว