ไทยเตรียมรับนักลงทุนจีน 500 รายเซ็นMOU 17 ฉบับ ยันไม่กระทบธุรกิจรายย่อย

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ส.ค. นี้ที่คณะนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการของจีน พร้อมด้วยคณะนักลงทุน 500 รายจะมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าประชุมและดูลู่ทางการลงทุน โดยเบื้องต้นจะดูถึงความร่วมมือเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นผู้บ่มเพาะนวัตกรรมสร้างสรรค์ และสตาร์ตอัพ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้ไทยเป็นฐานเอสเอ็มอี พร้อมสร้างความเชื่อมโยงด้านระบบขนส่งคมนาคมกับจีนให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงทั้งไทยและจีน

โดยโอกาสนี้จะมีการลงนามความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ระหว่างภาครัฐบาลไทยกับเอกชนจีน และการเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลกับรัฐ รัฐบาลจีนกับไทยในนามกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงอีอีซีรวม 17 ฉบับ อาทิความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กับสภาธุรกิจไทยจีน เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างกัน , ระหว่างสกพอ.กับ Joylong เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า , ระหว่างสกพอ.กับ Anhui Ankai ของจีน ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 2 รายมีความเชี่ยวชาญรถบรรทุกอีวีและรถบัสอีวีและทั้ง 2 รายก็สนใจเข้ามาลงทุนในไทยด้วย และระหว่างศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ BGI -Snenzhen กับสกพอ.ในการพัฒนาเมดดิคอลฮับ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามกรณีที่มองว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเอื้อให้จีนมีการแผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้มากขึ้นนั้น ยืนยันว่าการกำหนดนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการพัฒนาอีอีซีมีเป้าหมายชัดเจนทั้งด้านอุตสาหกรรมเป้าหมาย พื้นที่ลงทุน มีการคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยและประเทศไทยเป็นหลักดังนั้นจึงมีกรอบที่จะเจรจาความร่วมมือภายใต้นโยบายที่วางไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นอิทธิพลจะเกิดขึ้นมากน้อยอยู่ที่ตัวเราจะให้ถูกครอบงำหรือไม่ ตรงกันข้ามถ้ารัฐบาลไม่ได้วางนโยบายชัดเจนไว้การเจรจาย่อมไม่มีทิศทางและอาจเป็นผลเสียมากกว่า