ปภ.เผยอุทกภัย ‘บึงกาฬ-สกลนคร-ชัยภูมิ’ น้ำลดแล้ว ‘นครพนม’ รับมือแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เบบินคา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 – 30 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 15 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 9 จังหวัด และยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด รวม 25 อำเภอ 111 ตำบล 836 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,691 ครัวเรือน 47,708 คน ได้แก่ จังหวัดนครพนม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแก อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า อำเภอนาทม และอำเภอบ้านแพง รวม 36 ตำบล 395 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,354 ครัวเรือน 9,434 คน ปัจจุบันระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้น

จังหวัดบึงกาฬ น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด อำเภอศรีวิไล อำเภอบึงโขงหลง อำเภอเซกา และอำเภอพรเจริญ รวม 44 ตำบล 340 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,376 ครัวเรือน 27,393 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 41,338 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง

จังหวัดเพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด และอำเภอบ้านแหลม รวม 7 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 497 ครัวเรือน 2,048 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง

จังหวัดสกลนคร น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคำตากล้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอพรรณานิคม และอำเภออากาศอำนวย รวม 8 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 47 ครัวเรือน 158 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง

จังหวัดนครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา และอำเภอองครักษ์ รวม 14 ตำบล 68 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,311 ครัวเรือน 8,278 คน พื้นที่การเกษตร 1,020 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะที่ จังหวัดชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 106 ครัวเรือน 397 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง