รัฐบาลย้ำดูแลทุกคนทุกชาติพันธุ์ในแผ่นดินไทย โดยยึดหลักกฎหมายและมนุษยธรรม

ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้มีความสุขได้อยู่ร่วมกับครอบครัวขออย่าได้จุดประเด็นความขัดแย้งให้เกิดความขัดข้องหมองใจและในช่วงเทศกาลนี้รัฐบาลพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนให้เดินทางกลับบ้านเยี่ยมครอบครัวโดยสวัสดิภาพและสั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

ย้ำให้ชัดเจนอีกครั้งนะคะ ว่ารัฐบาลดูแลคนไทยและทุกชาติพันธุ์ที่อยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังและขอร้องว่าอย่านำประเด็นชาติพันธุ์มาสร้างความสั่นคลอนต่อความรักสามัคคีของคนในชาติเชื่อมั่นว่าทุกคนบนแผ่นดินไทยต่างมีความรักประเทศไทยและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขโดยรัฐบาลยืนยันดูแลทุกกลุ่มทุกชาติพันธุ์ตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม 

ชาติพันธุ์ม้งที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงเช่นชาวเขาเผ่าต่างๆไทยใหญ่จีนฮ่อไทยลื้อและกลุ่มอื่นๆที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะและสิทธิโดยมีมติครม. ที่เกี่ยวข้องหลายมติได้แก่

มติครม. วันที่7 ธค.2553 กำหนดให้ชนกลุ่มน้อยที่ราชการได้จัดทำทะเบียนประวัติซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทยให้สถานะเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย(ให้ขอใบสำคัญถิ่นที่อยู่) และถ้าจะขอมีสัญชาติไทยให้ขอแปลงสัญชาติ

มติครม. วันที่7 ธค2559 กำหนดให้บุตรของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในประเทศไทยสามารถขอมีสัญชาติไทยได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติโดยรมว.มท.มอบอำนาจให้นายอำเภอเป็นผู้อนุมัติกรณีผู้ขอสัญชาติอายุไม่เกิน18 ปีและให้ผวจ.เป็นผู้อนุมัติกรณีผู้ขอสัญชาติอายุเกิน18 ปี

มติครม. วันที่5 กค2548 กำหนดให้เด็กทุกคนทั้งไทยและต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารทะเบียนสามารถเข้าเรียนหนังสือในระดับการศึกษาภาคบังคับได้ทุกรายโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี

มติครม. วันที่23 มีค2553 และ20 เมย2558 อนุมัติให้สิทธิการรักษาพยาบาลแก่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐสำรวจจัดทำทะเบียนไว้ทุกคนโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี2535 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันมีชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทยแล้วจำนวนประมาณ2.58 แสนคน